วันที่ 26 กันยายน 2553
มีความสุขจัง!
วันนี้เรามีความสุขมาก เพราะรู้สึกว่าชีวิตเป็นอิสระ และมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ เราสุขกับอะไรบ้างนะเหรอ
สุขกับการได้ทำสิ่งดีๆ ให้เพื่อน เรามีกลุ่มเพื่อนอยู่กันประมาณ 6 คน แต่ถึงจะน้อยแต่ละคนก็เป็นคนที่สามารถปรึกษาและช่วยเหลือเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน เป็นคนขยัน มีความตั้งใจทำงาน มีความปรารถนาดีต่อกัน เราแลกเปลี่ยนสิ่งดีๆ ต่อกันและช่วยเหลือกันเมื่อแต่ละคนมีปัญหา เป็นโชคดีของเราจริงๆ ที่ได้เจอกลุ่มเพื่อนเหล่านี้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดเราสามารถทำงานเสร็จส่งตามเวลาที่กำหนด ซึ่งรู้สึกหายเหนื่อยยังไงก็ไม่รู้สุขที่ได้คิดให้ตัวเองมีความสุข เพราะชีวิตมันแสนสั้น จะมัวมานั่งวิตกกังวัลอยู่กับมัน ทำให้ชีวิตเรามีความสุขดีกว่า
ขอให้มีความสุขกับทุกวันของชีวิตนะค่ะ
3 ชั่วโมงในห้องสมุด
หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จช่วงบ่ายเราไม่มีเรียน เราก็ไปคลุกอยู่ที่ห้องสมุดตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงนิดๆ แล้วก็อยู่ในห้องสมุดจนถึงบ่ายสาม เป็นการใช้ชีวิตอยู่ในห้องสมุดประมาณ 3ชั่วโมง
ตั้ง 3 ชั่วโมงแหนะ! ทำไปได้ไงเนี่ย นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่อยู่ในห้องสมุดนานขนาดนี้ เพราะปกติเราชอบอ่านหนังสือนิยายอยู่ที่ห้องมากกว่า
ตอนอยู่ในห้องสมุดเราก็ไม่ค่อยได้ลุกเดินไปไหน เลือกที่นั่งได้ก็นั่งแปะติดหนึบ แต่นั่งไปสักพักก็เป็นอันต้องย้ายที่ เพราะมีโต๊ะหนึ่งแถวนั้นคุยอะไรก็ไม่รู้ไม่หยุดเสียที หันไปมองก็เห็นพูดอยู่คนเดียว เพื่อนอีกคนก็เออออเป็นส่วนใหญ่ เสียงงึมงัมน่ารำคาญ หลังจากที่เราย้ายที่นั่งก็ค่อยสบายขึ้นมาหน่อย
อุปสรรคที่เจออีกอย่างก็คือความหนาว ซึ่งเราก็เตรียมเสื้อกันหนาวไปอย่างดี แรกๆ มันก็ไม่ค่อยหนาวหรอก พอนั่งไปได้สักพักมันเริ่มหนาวใหญ่เลย ยิ่งช่วงชั่วโมงท้ายๆ ยิ่งหนาว มันหนาวจนน้ำมูกไหลเลย อาจเป็นเพราะเรายังไม่หายดีจากอาการเจ็บคอก็เป็นได้ เลยรู้สึกหนาวกว่าปกติ
ถึงตอนนี้เราอยู่ในห้องสมุดนานตั้ง 3 ชั่วโมง และนั่งแปะอยู่กับที่เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้อ่านหนังสือตลอดหรอกนะ ฟังเพลงบ้าง เหม่อไปโน่นไปนี่บ้าง บางทีก็ลอยออกนอกหน้าต่างไปบ้าง มองนก ต้นไม้รอบๆมหาลัย ยังไงก็เป็นวันหนึ่งที่ได้อ่านหนังสือ ทำการบ้านไปเรื่อยๆ เพลินใจดี
พรุ่งนี้เราก็ตั้งใจว่าจะไปห้องสมุดอีก แต่จะไปได้กี่วันก็ไม่รู้ ต้องลองดู
ตั้ง 3 ชั่วโมงแหนะ! ทำไปได้ไงเนี่ย นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่อยู่ในห้องสมุดนานขนาดนี้ เพราะปกติเราชอบอ่านหนังสือนิยายอยู่ที่ห้องมากกว่า
ตอนอยู่ในห้องสมุดเราก็ไม่ค่อยได้ลุกเดินไปไหน เลือกที่นั่งได้ก็นั่งแปะติดหนึบ แต่นั่งไปสักพักก็เป็นอันต้องย้ายที่ เพราะมีโต๊ะหนึ่งแถวนั้นคุยอะไรก็ไม่รู้ไม่หยุดเสียที หันไปมองก็เห็นพูดอยู่คนเดียว เพื่อนอีกคนก็เออออเป็นส่วนใหญ่ เสียงงึมงัมน่ารำคาญ หลังจากที่เราย้ายที่นั่งก็ค่อยสบายขึ้นมาหน่อย
อุปสรรคที่เจออีกอย่างก็คือความหนาว ซึ่งเราก็เตรียมเสื้อกันหนาวไปอย่างดี แรกๆ มันก็ไม่ค่อยหนาวหรอก พอนั่งไปได้สักพักมันเริ่มหนาวใหญ่เลย ยิ่งช่วงชั่วโมงท้ายๆ ยิ่งหนาว มันหนาวจนน้ำมูกไหลเลย อาจเป็นเพราะเรายังไม่หายดีจากอาการเจ็บคอก็เป็นได้ เลยรู้สึกหนาวกว่าปกติ
ถึงตอนนี้เราอยู่ในห้องสมุดนานตั้ง 3 ชั่วโมง และนั่งแปะอยู่กับที่เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้อ่านหนังสือตลอดหรอกนะ ฟังเพลงบ้าง เหม่อไปโน่นไปนี่บ้าง บางทีก็ลอยออกนอกหน้าต่างไปบ้าง มองนก ต้นไม้รอบๆมหาลัย ยังไงก็เป็นวันหนึ่งที่ได้อ่านหนังสือ ทำการบ้านไปเรื่อยๆ เพลินใจดี
พรุ่งนี้เราก็ตั้งใจว่าจะไปห้องสมุดอีก แต่จะไปได้กี่วันก็ไม่รู้ ต้องลองดู
วันที่ 18 กันยายน 2553
เรื่องเดิมๆๆ
ช่วงก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยได้ดูข่าวในทีวี ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือพิมพ์เท่าไหร่ ด้วยเพราะความรู้สึกว่าไม่มีอะไรสร้างสรรค์ ข่าวสารต่างๆ มักเพิ่มความหดหู่เศร้าใจมากกว่า อาจเป็นเพราะเราไม่ค่อยมีเวลาที่จะไปยุ่งจดจ่อกับหน้าทีวีมั่งในสองสามวันมานี้ได้ดูข่าวทั้งในทีวี และหนังสือพิมพ์ในที่ตามร้านขายหนังสือ ห้องสมุดมหาลัย อยู่บ้าง แล้วเราก็พบว่ามันเป็นเรื่องเดิมๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
หากเราจะเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นกว่าเดิม ก็คงจะต้องเริ่มเปลี่ยนที่ตัวเราเองก่อน เพราะเปลี่ยนคนอื่นนั้นยากมาก เปลี่ยนตัวเราเองง่ายที่สุด
อาจจะเริ่มต้นด้วย “เรื่องเดิมๆ ของเรา” เราเองก็ไม่ต่างกับใครๆ ที่มีเรื่องเดิมๆ คิดและรู้สึกแบบเดิม ด้วยความเคยชิน เราทำมันด้วยความไม่รู้สึกตัว
หากเรารู้สึกตัวว่าเรากำลังทำเรื่องเดิมๆ แล้วเลือกเราก็เปลี่ยนมันใหม่ในทางที่ดีกว่า สร้างสรรค์กว่า มีแรงบันดาลใจมากกว่า เพิ่มเติมพลังให้กับชีวิตมากกว่า
มันน่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ชีวิตเรามีคุณค่า